-
2004
SPRING / SUMMER 2004
Red Hobby ผลงานออกแบบแฟชั่นเป็นครั้งแรกในปี 2547 ได้รับแรงบันดาลพระทัยมาจาศิลปะแนววัฒนธรรมประชานิยม ผสมผสานกับสิ่งรอบข้างที่ทรงโปรดปราน เป็นคอลเลคชั่นที่โดดเด่นลงตัว
-
2005
SPRING / SUMMER 2005
Viva Victorian เมื่อศิลปะจากยุควิกตอเรียน เดินทางมาพบกับความทันสมัยของยุคพังค์อย่างลงตัว โดยแนวคิดของคอลเลคชั่นนี้ ได้รับแรงบันดาลพระทัยจากภาพยนตร์ในฉากของกลุ่ม New york Gangster ยุค 1990s รวมไปถึงงานศิลปะและภาพวาดจากยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสสีสันที่ใช้ในคอลเลคชั่นนี้มีความสดใสเปี่ยมชีวิตชีวาด้วยการใช้สีคู่ตรงข้าม เช่น สีส้ม สีเขียวมะนาว และสีฟ้าน้ำทะเล เพิ่มความพิเศษของคอลเลคชั่นด้วยเครื่องประดับที่เป็นรูปนกยูง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ SIRIVANNAVARI BANGKOK
-
2006
SPRING / SUMMER 2006
Fly to Nouveau คอลเลคชั่นนี้สะท้อนแทนวคิดของการผสมผสาน Military Style และ Industrial Style จากยุค 1920s หลอมรวมเข้ากับศิลปะอาร์นูโว หรือนวศิลป์ของศิลปินที่มีชื่อว่า Alphonse Mucha ที่มีผลงานโดดเด่น ทางด้านงานสถาปัตยกรรมไปจนถึงงานประยุกต์ศิลป์ มีไฮไลต์อยู่ที่การนำเอารูปทรงจากธรรมชาติ โดยเฉพาะดอกไม้ และพืชพรรณมาออกแบบเป็นลายเส้นโค้งที่อ่อนช้อยสำหรับแฟชั่นผู้หญิง สำหรับคอลเลคชั่นของแฟชั่นผู้ชาย ทรงได้รับแรงบันดาลพระทัยจากความเข้มแข็งของชุดยูนิฟอร์มนักบิน เป็นการพบกันของความแข็งแกร่ง และความบอบบางที่กลมกลืน
-
2007
SPRING / SUMMER 2007
Presence Of The Past คอนเซ็ปต์ของคอลเลคชั่นนี้อยู่ภายใต้แนวพระดำริ ‘ฮาร์โมเนียส’ ที่ผสมผสานความเป็นไทยประเพณีเข้ากับแฟชั่นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว เสื้อผ้า และเครื่องประดับที่ทรงออกแบบจึงมีความเป็น Avant-Garde แบบตะวันออกอย่างชัดเจน หากแต่ยังคงมีความวิจิตรแบบไทยผสมผสานอยู่ด้วย เสื้อผ้าบางส่วนถูกตัดเย็บด้วยผ้าไหมไทยจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่เป็นการนำเสนอความเป็นไทยในมุมมองใหม่ อาทิ ลายนกยูงและลายดอกพุดตาน สำหรับคอลเลคชั่นเครื่องประดับ จะมีลวดลายไทยลายประจำยาม หรือลายดุนนูนแบบลวดลายของสถาปัตยกรรมไทย อีกทั้งยังทรงนำความวิจิตรของการแกะสลักไม้อย่างไทยผสมผสานกับงานเครื่องเงินได้อย่างลงตัว
-
2008
SPRING / SUMMER 2008
Ethnic Rock แนวพระราชดำริสำหรับคอลเลคชั่นนี้คือ ‘ร็อกชนเผ่า’ ที่ถูกนำมาตีความและถ่ายทอดออกมาในภาษาของแฟชั่น ‘Ethnic Rock’ เป็นการนำวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆมาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมดนตรีร็อกได้อย่างโก้หรูและทันสมัย อาทิ ดนตรีร็อกจากยุค 70s ถึง 80s พร้อมภาพถ่ายในสไตล์บอนเดจ (Bondage) ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้นผสมผสานเข้ากับรายละเอียดต่างๆของวัฒนธรรมชนเผ่า สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับคอลเลคชั่นนี้ เป็นการนำสองวัฒนธรรมที่ต่างกันอย่างสุดขั้วมารวมกันได้อย่างลงตัว
-
2010
SPRING / SUMMER 2010
The World Is Not Enough ด้วยแรงบันดาลพระทับจากการล่องเรือบนผืนน้ำสีฟ้าแซพไฟร์ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จึงทรงออกแบบคอลเลคชั่นนี้ให้สะท้อนวิถีชีวิตที่มีสีสันในช่วงฤดูร้อน เสื้อผ้าจึงมีความพริ้วไหวผ่อนคลายและเย้ายวนอยู่ในที และยังเปี่ยมไปด้วยความโก้หรู และทันสมัยที่ถ่ายทอดผ่านการตัดเย็บสุดประณีตไฮไลต์ประจำคอลเลคชั่นคือลายกราฟิกจากภาพวาดฝีพระหัตถ์ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
-
2011
SPRING / SUMMER 2011
Princess Collection คอลเลคชั่นที่ทรงสร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนำรายได้เข้าช่วยเหลือศูนย์มะเร็งเต้านม ณ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งในคอลเลคชั่นนี้ นอกจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จะทรงพระปรีชาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แล้ว พระองค์ยังทรงเป็นช่างภาพของการถ่ายรูปคอลเลคชั่นนี้อีกด้วย โดยภาพถ่ายฝีพระหัตถ์นี้ได้ถูกนำมาใช้งาน 3 ส่วน คือ แคมเปญโฆษณา Princess Collection ภาพถ่ายแฟชั่นสำหรับนิตยสารลิปส์ และภาพถ่ายสำหรับนิทรรศการ Soft Power ซึ่งคอลเลคชั่นชุดชั้นในนี้ ได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ธีม คือ ดอกไม้ นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ความโรแมนติก และชีวิตสัตว์ป่า เป็นการนำเสนอที่สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกในหลายมิติ
-
2014
SPRING / SUMMER 2014
Human DNA คอลเลคชั่นนี้ถ่ายทอดประสบการณ์อุบัติเหตุการจากขี่ม้าของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา อันเป็นช่วงเวลาของความเจ็บป่าวย นำมาผสมผสานกับแรงบันดาลพระทัยจากงานศิลปะของศิลปินชื่อดัง อย่างเลโอนาร์โด ดาวินชี, เดเมียน เฮิร์สต์ และฟรีดา คาห์โล ทรางสร้างสรรค์ผ้าพิมพ์ลาย X-ray Collage ที่เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่นนี้ และด้วยความรักในการกีฬา และการออกแบบแฟชั่น SIRIVANNAVARI BANGKOK จึงมอบนิยามคอนเซ็ปต์ของโครงสร้างเสื้อผ้าจากคอลเลคชั่นนี้ให้เป็น Sport Couture ซึ่งหมายถึง เสื้อผ้าสปอร์ตแวร์ที่ทะมัดทะแมงคล่องตัว ให้ความอิสระแก่ผู้สวมใส่ แต่ยังคงไว้ซึ่งรายละเอียดสุดวิจิตรในการตัดเย็บและโครงสร้างแพทเทิร์นสุดประณีตเฉกเช่นงานกูตูร์
-
2015
SPRING / SUMMER 2015
SIRIVANNAVARI Couture คอลเลคชั่นผ้าไทยกูตูร์ ตามแบบฉบับการตัดเย็บชั้นสูง ได้รับแรงบันดาลพระทัยมาจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในครั้งที่พระองค์ท่านทรงเครื่องเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ ผสมผสานกับโครงสร้างชุดไทยประเพณีของตัวละครจากวรรณคดีไทย เช่น การห่มสไบ เกิดเป็นโครงสร้างชุดของ SIRIVANNAVARI BANGKOK ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นรายละเอียดสุดวิจิตรด้วยการผสมผสานงานปักแบบไทยเข้ากับเทคนิคงานปักจากฝรั่งเศส สร้างความโดดเด่นด้วยวิธีการปักล้อลวดลายทอของผ้ามัดหมี่ ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน หรูหรา และสง่างามตามแบบฉบับยุค 1950s
-
2015
SPRING / SUMMER 2015
Napoleonic สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้แรงบันดาลพระทัยมาจากเครื่องแบบทหาร สไตล์นโปเลียน ผสมผสานกับรายละเอียดจากยุคนีโอคลาสสิก และจักรวรรดิโรมัน คอลเลคชั่นนี้โดดเด่นด้วยโครงเสื้อผ้าและเทคนิคการตัดเย็บที่ทรงสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ไฮไลต์อยู่ที่ลวดลายกราฟิกฝีพระหัตถ์ที่ทรงรวบรวมสัญลักษณ์นำโชคต่างๆ จากยุคนีโอคลาสสิกมาทรงสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ในเชิงงานศิลป์แบบดาด้า (Dadaism)
-
2016
SPRING / SUMMER 2016
Mystical Garden สำหรับคอลเลคชั่นนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้แรงบันดาลพระทัยมาจากศิลปะยุคโรแมนติกซิซึม (Romanticism) ไปจนถึงยุคอิมเพรสชันนิซึม (Impressionism) จากการผลงานศิลปะของศิลปินเอกแห่งยุคเรอนัวร์ (Renoir) และโมเนต์ (Monet) ผสมผสานกับบรรยากาศชนบทที่มีเอกลักษณ์ของพระราชวังแวร์ซายส์ ถ่ายทอดออกมาเป็นงานออกแบบที่อ่อนหวาน เน้นความเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่และทันสมัย หัวใจสปอร์ต เฉกเช่นผู้หญิงของแบรนด์ SIRIVANNAVARI BANGKOK
-
2017
SPRING / SUMMER 2017
Serenity “เมื่อเราได้พบกัน เมื่อเราได้รู้จักกัน เมื่อเราได้สัมผัสซึ่งความรัก เมื่อเราได้พลัดพราก เมื่อเราได้ระลึกถึงกัน เมื่อกาลเวลามาถึง เมื่อชั่วขณะที่เราได้พบกันอีกครั้ง คือจุดเริ่มต้น คือจุดสิ้นสุด คือทุกสิ่งที่หลอมรวม อยู่ในความสั่นสะเทือนของความรักที่พ้นประมาณ” ข้อความตอนหนึ่งจากบทกวีทรงพระนิพนธ์โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาที่ทรงพระนิพนธ์ที่พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นเรื่องราวความรักของชายหญิงคู่หนึ่งที่ได้เดินทางท่องท้องทะเลอันไกลโพ้นราวเทพนิยาย เปี่ยมไปด้วยความทรงจำแสนโรแมนติก ซุกซ่อนความโศกเศร้าภายใต้ท้องนภาอันกว้างใหญ่ ที่โอบล้อมไปด้วยประกายเห่งแสงจันทร์ ดวงดาวที่พร่างพรายและเส้นขอบฟ้าที่ไม่รู้จบ บทความนี้มอบแรงบันดาลพระทัยในการทรงงานออกแบบคอลเลคชั่นนี้ในปี 2560 ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างเสื้อผ้าที่มีความอ่อนช้อย งานปักสุดประณีต ไปจนถึงลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ที่งดงาม
-
2018
SPRING / SUMMER 2018
Horse, Helen,Henri คอลเลคชั่นนี้ได้ทรงสร้างสรรค์ขึ้นจากพระนิพนธ์ โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักของนายทหารหนุ่มกับลูกสาวชาวนาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในท้ายที่สุด ลงเอยด้วยความสุข จากรักที่สมหวัง ไฮไลต์ของคอลเลคชั่นนี้ คือลายกราฟิกฝีพระหัตถ์ที่มีเอกลักาณ์โดดเด่น บนโครงเสื้ออ่อนหวานพร้มงานปักสุดวิจิตร
-
2019
SPRING / SUMMER 2019
Abode of Metamorphosis การเดินทางสู่โลกใหม่ที่ชื่อว่า “NARAVANNA” ในจักรวาลอันไกลโพ้น จากบทนิพนธ์ ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา คอลเลคชั่นนี้ทรงผสมผสานศิลปะของชนเผ่ากับการออกแบบแห่งอนาคต ด้วยโทนสีจากธรรมชาติ โครงสร้างของเสื้อผ้ามีความหลากหลายและซับซ้อนแบบ Deconstructive (โครงเสื้อที่แตกต่างไปจากแบบแผนเดิม) และ Asymmetrical (โครงเสื้อแบบไม่สมมตาตร) ผสมผสานกับเทคนิคการตัดเย็บแพทเทิร์น และรายละเอียดที่หลากหลาย สร้างความสดใหม่ทางความคิดให้แก่คอลเลคชั่น อาทิ การตัดเย็บด้วยผ้าพลีทสามมิติจากเวิร์กช็อป Gerard Lognon (เจราร์ โลนญง) ในกรุงปารีส เทคนิคการเย็บแบบลาย Quilt (ลายข้ามหลามตัด) รวมไปถึงการนำเอางานศิลปะแบบแอฟริกันจากชนเผ่าซาไซ มาร่า (Maasai Mara) มาผสมผสานกับงานปักจากช่างผีมือชั้นเลิศของ SIRIVANNAVARI BANGKOK ถ่ายทอดเรื่องราวความลึกลับของสิ่งที่มีชีวิตและวิวัฒนาการทางธรรมชาติบน NARAVANNA ผ่านลายพิมพ์ภาพกราฟิกฝีพระหัตถ์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประจำแบรนด์ SIRIVANNAVARI BANGKOK
-
2019
AUTUMN / WINTER 2019
คอลเลคชั่น Autumn/Winter ซีซั่นแรกของ SIRIVANNAVARI BANGKOK นำโครงเสื้อและเอกลักษณ์ที่สำคัญของแบรนด์มาผสมผสานกับวัสดุสำหรับฤดูหนาว อาทิ ผ้าทวีด ผ้าอิตาเลี่ยนแคชเมียร์ ผ้าเมทัลลิกแคชเมียร์ ผ้าวูล หนังกลับ และขนนก เพิ่มความพิเศษด้วยงานปักสุดประณีตจาก SIRIVANNAVARI Atelier and Academy เป็นการถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของฤดูหนาวสุดโมเดิร์น ดังจะเห็นได้จากเสื้อแจ็คเก็ตแบบนโปเลียน (Napoleonic Jacket) โครงเสื้อแบบ Asymmetrical เสื้อแคชเมียร์นิตแวร์ (Cashmere Knitwear) ไปจนถึงเสื้อเคปโค้ต และเสื้อโอเวอร์โค้ต (Overcoat) ที่เป็นเอกลักษณ์ใหม่ประจำซีซั่น
-
2020
SPRING / SUMMER 2020
Mythos Poetica บทพระนิพนธ์จำนวน 5 ตอนของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา คือแรงบันดาลพระทัยในการออกแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่น Spring/Summer 2020 ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ของแบรนด์ ถ่ายทอดเรื่องราวโรแมนซ์ในตำนานโบราณ โดยนำงานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา มาออกแบบใหม่ ให้มีความร่วมสมัย และยังโดดเด่นด้วยโครงสร้างเสื้อผ้าที่มีความเป็นเฟมินีนพร้อมดีไซน์ที่ล้ำยุค งานปักชั้นครูไปจนถึงลายกราฟิกที่ทรงออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์
-
2020
AUTUMN / WINTER 2020
French Flair คอลเลคชั่นนี้เป็นการผสมผสานสไตล์จากยุค 90s เข้ากับสตรีทสไตล์ตามแบบฉบับของโมเดิร์นปารีเซียง มุ่งเน้นให้ผู้สวมใส่สนุกสนานไปกับการมิกซ์แอนด์แมตซ์เสื้อผ้า และเครื่องประดับในชีวิตประจำวันช่วงฤดูหนาว โดดเด่นด้วยเสื้อแจ็คเก็ตทวีดประดับโซ่ ภายใต้เฉดสีเอิร์ธโทนเรียบโก้ที่ผสมดเวยสีนีออนอันสดใส และยังเป็นคอลเลคชั่นที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ไปจนถึงเครื่องประดับและเครื่องหนังชิ้นเด่น
-
2020
AUTUMN / WINTER 2020
Eyewear Collection คอลเลคชั่นแว่นตากันแดด สำหรับสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษจาก SIRIVANNAVARI BANGKOK เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2563 ในชื่อคอลเลคชั่น ‘Lunettes de Soleil’ ที่ได้รับแรงบันดาลพระทัยจากหญิงสาวเปี่ยมสไตล์จากยุค 90s ต้นกำเนิดปารีเซียงสตรีทสไตล์แสนทันสมัย และภาพแฟชั่นเช็ตสำหรับแว่นตากันแดดคอลเลคชั่นนี้ ยังเป็นภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา อีกด้วย